วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

เงาะ

ผลไม้ไทย
เงาะ ( Rambutan )
ลักษณะ/พันธุ์ เงาะที่พบในประเทศไทย มี 2 พันธุ์ใหญ่ๆ คือ
1. พันธุ์โรงเรียน เป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของตลาด ราคาสูงกว่าเงาะพันธุ์สีชมพู ผิวสีแดงเข้มโคนขนมีสีแดง ปลายขนมีสีเขียว เนื้อหนา แห้ง และล่อนออกจากเมล็ดได้ง่าย ตอบสนองต่อปุ๋ยได้ดี เมื่อขาดน้ำในช่วงผลอ่อนผลจะแตกหรือหล่นได้มากกว่าเงาะพันธุ์สีชมพู
2.พันธุ์สีชมพู เป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย มีการเจริญเติบโตดี ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ ให้ผลดกมีผิวและขนเป็นสีชมพูสด เนื้อหนา ฉ่ำน้ำ บอบช้ำง่าย ไม่ทนทานต่อการขนส่ง
คุณค่าทางโภชนาการ

เงาะเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีขายกันอยู่ทั่วไป เป็นผลไม้รสหวานและอมเปรี้ยว รับประทานเงาะสดสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ผลดี นอกจากนี้ ผลเงาะนำมาต้ม นำน้ำที่ได้มาเป็นยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง มีข้อควรระวัง คือเม็ดในของเงาะมีพิษแม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว แต่ถ้ารับประทานมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศรีษะมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นไม่ควรจะรับประทานเม็ด
การนำไปใช้ประโยชน์

เงาะสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภคและที่สำคัญเป็นการเพิ่มมูลค่าของเงาะให้มีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วไม่สามารถเก็บได้นาน เพราะเนื้อผลจะเละและมีน้ำหวานไหลเยิ้ม โดยเฉพาะในปีใดที่ผลผลิตเงาะออกสู่ท้องตลาดมาก ราคามักตกต่ำ การนำมาแปรรูปเป็นการแก้ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำได้ เช่น การทำเป็นเงาะแช่อิ่มอบแห้ง การทำเงาะกระป๋อง เงาะกวนเปลือก ฯลฯ เป็นต้น

ลิ้นจี่

ผลไม้ไทย
ลิ้นจี่ ( Lychee )
ลักษณ/พันธุ์

ลิ้นจี่พบในประเทศไทยมี 2 สายพันธุ์โดยแบ่งตามพื้นที่การปลูก ดังนี้
1. กลุ่มพันธุ์ที่ปลูกทางภาคเหนือ เป็นพันธุ์ที่ต้องการความหนาวเย็นมากและยาวนานก่อนการออกดอกมากกว่าพันธุ์ที่ปลูกทางภาคกลาง ได้แก่ ฮงฮวย จักรพรรดิ กิมเจง โอวเฮียะ กวางเจา บริวสเตอร์ และกิมจี๊ เป็นต้น
2. กลุ่มพันธุ์ที่ปลูกในภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตกส่วนใหญ่ต้องการความหนาวเย็นไม่มากและหนาวเย็นไม่นานก็สามารถออกดอกได้ ปลูกในที่ราบต่ำแถวอำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ได้แก่ พันธุ์ค่อม (ค่อมลำเจียก) กะโหลกใบยาว สำเภาแก้ว กระโถนท้องพระโรง เขียวหวาน สาแหรกทอง จีน ไทยธรรมดา ไทยใหญ่ กะโหลกใบไหม้ กะโหลกในเตา ช่อระกำ และพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการ

ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ช่วยย่อยอาหาร บำรุงอวัยวะภายในต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นม้ามหรือระบบประสาท นอกจากนี้ ลิ้นจี่ยังช่วยในการบรรเทาอาการกระหายน้ำได้ และหากนำเนื้อลิ้นจี่ตากแห้งมาต้มรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดอันเนื่องมาจากโรคไส้เลื่อนหรือลูกอัณฑะบวม และยังช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้อีกด้วย สำหรับผู้มีอาการของท้องร่วงเรื้อรังให้นำเนื้อลิ้นจี่มาต้มรวมกับเนื้อพุทราแล้วนำมากินกับน้ำจะช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงเรื้อรังได้เป็นอย่างดี
การนำไปใช้ประโยชน์

ลิ้นจี่ นอกจากจะใช้รับประทานสดได้แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกได้หลายชนิด เช่น ลิ้นจี่กระป๋องหรือบรรจุขวดในน้ำเชื่อม เนื้อลิ้นจี่อบแห้ง น้ำลิ้นจี่พร้อมดื่ม ฯลฯ ที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ลองกอง

ผลไม้ไทย
ลองกอง ( Longkong )
ลักษณะ/พันธุ์

ลองกอง เป็นผลผลิตมีคุณภาพดีที่สุด มีเมล็ดน้อยหรืออาจจะไม่มีเมล็ดเลยใบมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก คือมีสีเขียวเข้ม และมีร่องใบลึก ทำให้ดูเหมือนกับว่าใบ หยักเป็นคลื่น ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
ลองกองแห้ง ผลสุกจะมีเนื้อใสเป็นแก้ว เนื้อแห้ง หวานและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ส่วนเปลือกหนามีสีเหลืองคล้ำและไม่มียาง
ลองกองน้ำ ผลสุกจะมีเนื้อค่อนข้างฉ่ำน้ำ สีเปลือกเหลืองสว่างกว่า
ลองกองปาลาแมหรือลองกองแปร์แมร์ ผลสุกจะมีเนื้อนิ่ม กลิ่นไม่หอมเหมือนลองกองน้ำ เปลือกบางและมียางบ้าง
คุณค่าทางโภชนาการ

ลองกอง เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี และฟอสฟอรัส มีสรรพคุณในการลดความร้อน ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ตัวร้อน ลดอาการร้อนในช่องปาก

ชมพู่

ผลไม้ไทย
ชมพู่ ( Java apple )
ลักษณะ/พันธุ์

พันธุ์ชมพู่ ได้แก่ ชมพู่เพชรสุวรรณ ชมพู่เพชรสายรุ้ง ชมพู่เพชรน้ำผึ้ง ชมพู่ทับทิมจันทร์ ชมพู่ทูลเกล้า ชมพู่พันธุ์น้ำดอกไม้
คุณค่าทางโภชนาการ

ในเนื้อชมพู่ 100 กรัม ประกอบด้วยคุณค่าทางอาหาร ได้แก่ พลังงาน 24 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 5.5 กรัม แคลเซี่ยม 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม ไวตามินซี 32 มิลลิกรัม
การนำไปใช้ประโยชน์

ชมพู่มีส่วนที่ใช้เป็นยา รสและสรรพคุณยาไทยเอาเนื้อของชมพู่มาทำเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดความสดชื่นหอม โดยการเอาเนื้อชมพู่แห้งมาบดหรือรับประทานสดก็ได้จะเกิดความสดชื่นขึ้นมาทันทีสามารถนำมาบำรุงหัวใจได้มาก เพราะชมพู่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ทุเรียน

ผลไม้ไทย
ทุเรียน (Durian) ( King of fruit )
ลักษณะ/พันธุ์
นิยมปลูกกันมากมี 4 พันธุ์ คือ หมอนทอง ชะนี ก้านยาว และกระดุม
คุณค่าทางโภชนาการ
ทุเรียน นอกจากจะมีรสชาติอร่อยมากแล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งในด้านไขมันที่ให้พลังงาน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตและแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมากในปริมาณเนื้อทุเรียน 100 กรัม สำหรับพันธุ์ก้านยาวให้พลังงานมากที่สุด คือ 181 กิโลแคลอรี่ ส่วนพันธุ์หมอนทองซึ่งเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่จะให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี่
การนำไปใช้ประโยชน์
ทุเรียน นิยมนำมาทำเป็นขนมหวาน คือ ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนราดด้วยหัวกะทิ แต่ถ้าคำนึงถึงพลังงานที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากข้าวเหนียว น้ำตาล และกะทิ ก็เป็นสิ่งควรระวัง เพราะเนื้อทุเรียนสดก็ให้พลังงานมากอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีทุเรียนกวน ทุเรียนอบแห้ง ทุเรียนทอด ฯลฯ แต่ถ้ารับประทานทุเรียนในปริมาณที่พอเหมาะร่างกายจะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างเหมาะสม ถ้ารับประทานทุเรียนมากเกินไปในหน้าร้อนอย่างนี้จะมีความรู้สึกร้อนมากกว่าปกติ บางคนจะรู้สึกอึดอัด เพราะพลังงานที่ได้รับมากเกินไปและถ้าใช้พลังงานไม่หมดร่างกายก็จะสะสมเป็นไขมันเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคอ้วนได้

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง
กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า
ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ

1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก 4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ 6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง 8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก 10. สับปะรดภูเก็ต
ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้มส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
1. แก้วมังกร 2. มะขามเทศ 3. มังคุด 4. ลิ้นจี่ 5. สาลี่
10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
1. ฝรั่งกลมสาลี่ 2. ฝรั่งไร้เมล็ด 3. มะขามป้อม 4. มะขามเทศ 5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ 7. สตรอเบอร์รี่ 8. มะละกอสุก 9. ส้มโอขาว 10. แตงกวา 11. พุทราแอปเปิล
การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
1. ขนุนหนัง 2. มะขามเทศ 3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ 4. มะเขือเทศราชินี 5. มะม่วงเขียวเสวยสุก 6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 7. มะม่วงยายกล่ำสุก 8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู 9. สตรอเบอร์รี่ 10. กล้วยไข่
ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

น้ำผลไม้ไทย

น้ำผลไม้ไทย
การทำน้ำผลไม้ให้มีรสดีต้องทำจากผลไม้ที่สุดไม่เน่าเสีย และควรทำให้มีสภาพคล้ายธรรมชาติมากที่สุด การบรรจุขวดก็มีความสำคัญต้องฆ่าเชื้อด้วยวิธีต้ม หรืออบด้วยไอน้ำทุกครั้ง มิฉะนั้นจะเก็บไว้ได้ไม่นาน
การทำน้ำผลไม้ให้มีรสดีต้องทำจากผลไม้ที่สดไม่เน่าเสีย เพราะน้ำผลไม้สดมีกลิ่นรสชวนดื่มและควรทำให้มีสภาพคล้ายธรรมชาติมากที่สุด การบรรจุขวดเก็บไว้ก็มีความสำคัญ ไม่น้อย ขวดที่ใช้ต้องฆ่าเชื้อด้วยวิธีต้มหรืออบด้วยไอน้ำทุกครั้ง มิฉะนั้นจะเก็บไว้ได้ไม่นาน ถ้ามีผลไม้มากจะลองมา ทำเครื่องดื่มแบบต่างๆ ไว้ใช้ในบ้าน น้ำผลไม้จะรักษารสชาติที่สุดตลอดจนสีที่สดสวยจะต้องไม่ใช้ความร้อนมากจนเกินไป การต้ม หรือให้ความร้อนแก่น้ำผลไม้ภายใต้จุดเดือดของน้ำเป็นเวลานานจะได้กลิ่นรสชาติที่ไม่สด ยกเว้นในกรณี ของน้ำมะเขือเทศ และแอปปริตคอต ซึ่งทนความร้อนได้และไม่เกิดกลิ่นสุก
การที่จะรักษาน้ำผลไม้ให้มีรสชาติ สีและ คุณค่าทางอาหารเหมือนกับน้ำผลไม้สด ควรจะนำน้ำผลไม้มาให้ความร้อนโดยใช้อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเดือด ของน้ำในกรณีของมะเขือเทศ ซึ่งมีความเป็นกรดน้อยกว่าผลไม้อื่น ๆ จะต้องใช้ความร้อนที่จุดเดือดของน้ำ คือ 212 o ฟ แล้วบรรจุขวดหรือกระป๋องและเก็บเยือกแข็ง ขั้นตอนต่างๆ ในการสกัดน้ำผลไม้และให้ความร้อน แก่น้ำผลไม้เพื่อบรรจุขวด บรรจุกระป๋อง หรือเก็บเยือกแข็ง เป็นไปในทำนองเดียวกัน น้ำผลไม้ที่เก็บโดยวิธีเยือกแข็งนั้น จะให้กลิ่น รสชาติของน้ำผลไม้ดีที่สุด เมื่อเราให้ความร้อนแก่น้ำผลไม้ ในระยะเวลาสั้นๆ ที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเดือดของน้ำแล้วทำให้เย็นจนเกือบแข็ง